แม้ว่าจะเจอปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บหลายคน จนทำให้ผลงานของทีมตกไป แต่เวลานี้นักเตะกำลังหลักหลายๆ รายกำลังจะกลับมา ไม่ว่าจะเป็น ลิซานโดร มาร์ติเนซ, กาเซมีโร่, คริสเตียน เอริคเซ่น, เมสัน เมาท์ รวมไปถึง แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ที่น่าจะหายเจ็บกลับมาช่วงกลางเดือนมกราคม ผนวกกับ เซอร์จิม แร็ตคลิฟฟ์  ที่กำลังจะเข้ามาถึงหุ้นย่อย 25% ซึ่งทำให้มีอำนวจเต็มในการบริหาร ทำให้อาจมากำหนดทิศทางการซื้อขายด้วยเช่นกัน ทำให้อาจเป็นปัจจัย 2 แรงบวก ที่ทำให้กุนซือชาวดัตช์ ไม่ได้มองถึงการเสริมผู้เล่นเข้ามาแต่อย่างใด ในตลาดรอบ 2 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะ ฟลูมิเนนเซ่ ทีมจากบราซิล ไปแบบขาดลอย 4-0 คว้าแชมป์สโมสรโลกได้เป็นสมัยแรกในประวัติศาสตร์ และเป็นทีมที่ 4 จากอังกฤษ ต่อจาก ลิเวอร์พูล,เชลซี แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ได้แชมป์รายการนี้ ที่สำคัญทีม "เรือใบสีฟ้า" ยังเป็นทีมแรกจากอังกฤษที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก, เอฟเอ คัพ, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และแชมป์สโมสรโลกได้ในปีเดียวกัน ซึ่งทางด้าน เป๊ป กวาดิโอล่า แสดงความรู้สึกภูมิใจ กับทุกๆ คนในทีมและถือเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำ  รายชื่อผู้เล่น 11 คนแรกของทั้งสองทีม ลิเวอร์พูล (4-3-3) : อลีสซง เบ็คเกอร์- เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, อิบราฮิม่า โกนาเต้, เฟอร์จิล ฟาน ไดจ์ค, คอสตาส ซิมิกาส  - โดมินิค โซบอสไล, วาตารุ เอ็นโด,  ไรอัน กราเฟนแบร์ก - โมฮาเหม็ด ซาล่าห์, ดาร์วิน นูนเญซ, หลุยส์ ดิอาซ แมนฯ ยูไนเต็ด (4-3-3) : อ็องเดร โอนาน่า - ดีโอโก้ ดาโลต์, จอนนี่ อีแวนส์, ราฟาแอล วาราน, ลุค ชอว์ - สกอตต์ แม็คโทมิเนย์, โซฟียาน อัมราบัต, ค็อบบี้ ไมนู - อันโตนี่, ราสมุส ฮอยลุนด์, อเลฮานโด กรานาโช่